Animated Blinking Gingerbread Man

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556


Fashion Summer 2013


สัปดาห์นี้ ขอเปลี่ยนบรรยากาศ มาว่าด้วยเรื่องของแฟชั่นแก้เลี่ยน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ สมาคมแฟชั่นดีไซน์เนอร์กรุงเทพ หรือ อันเป็นการรวมกันของแบรนด์แฟชั่นไทย 17 แบรนด์ ก็ได้จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมของสมาคม และแนะนำคอลเล็คชันฤดูใบไม้ผลิ และร้อน 2013

     ว่ากันตามจริง บ้านเราก็ไม่มีฤดูหลากหลายให้วุ่นวายเหมือนประเทศทางตอนเหนือๆ แต่ในเมื่อเป็นเรื่องของแฟชั่น ที่เราต้องการยกระดับการออกแบบให้ทัดเทียมโลก ก็จำเป็นต้องมีฤดูกาลออกมาให้อัพเดตกันตลอดเวลา เช่นเดียวกับฤดูใบไม้ผลิและร้อน 2013 ทาง BFS ก็ได้นำเทรนด์แฟชั่นมาบอกกล่าวเล่าความ ให้พี่ๆ น้องๆ ได้เตรียมตัวแต่งหล่อ แต่งสวยกัน




     BFS บอกว่าเทรนด์แฟชั่นฤดูกาลนี้ เกิดขึ้นจากกระแสโลกอันวุ่นวาย ผู้คนก็เลยมองหาความสุขจากสิ่งใหม่ๆ หรือโลกใบใหม่ ผู้คนส่วนหนึ่งจึงต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย มองหาโลกที่สงบสุข ไม่ยึดติด ไม่มีแบบแผนหรือหลักการ ส่วนอีกกลุ่มต้องการสร้างสิ่งใหม่ แนวทางใหม่ จากจินตนาการ เกิดเป็นผลงานที่แหวกกฎเกณฑ์ และกลุ่มที่สาม ได้ย้อนกลับไปหาอดีต และนำสิ่งจากโลกเก่ามาเติมแต่งด้วยรูปแบบปัจจุบัน ให้ง่าย และร่วมสมัย

     ถ้าจะบอกให้ชัดลงไปในรายละเอียด เหล่าดีไซน์เนอร์ไทยได้รวบรวมกระแสเหล่านี้ ออกมาเป็นเทรนด์แฟชั่น 4 เทรนด์หลัก อันได้แก่
1. “Happy Attitude”  คือการเปิดมุมมอง ต้อนรับสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่นการกล้าที่จะแต่งกาย ผู้หญิงสวมเสื้อผ้าที่เว้าโค้ง เปิดเผยเนื้อหนัง หนุ่มๆ ก็โชว์ความกำยำ ของร่างที่อุตส่าห์ไปบ่มตัวในฟิตเนส! หรือจะดูจากสีสันที่จัดจ้านมากขึ้น ลวดลายที่ดูขัดกัน และเยอะแยะมากกว่าที่ผ่านๆ มา รวมทั้งแบบเสื้อที่ดูไม่เข้ากัน แต่ก็จับมาแต่งให้ไปด้วยกันได้ เป็นต้น
2. “Beach Culture”  ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเรากำลังว่าด้วยเรื่องหาดทราย และเกลียวคลื่น เสื้อผ้าจึงเน้นไปที่รูปแบบของการต้อนรับชายทะเล แต่เป็นทะเลที่สามารถจะเดินเล่น หรือเข้าทำงานในเมืองได้ด้วย คือมีการนำชุดว่ายน้ำ และบีชแวร์มาออกแบบให้สวมใส่ได้จริงในทุกๆ วัน เช่นกางเกงขาสั้น จับคู่กับแจ๊กเก็ตสูทตัวเท่ ขณะเดียวกัน เสื้อผ้าเดินหาด ก็ไม่เรียบร้อยแบบที่เป็นมา คือมีการนำลูกเล่นของการออกแบบเสื้อผ้าชุดกลางวัน และกลางคืน เข้าไปผสมผสานในงานชุดเดินหาด เพื่อให้การไปเล่นน้ำทะเล ไม่ธรรมดา
3. “Urban Invention”  ทุกยุคทุกสมัย ย่อมต้องมีใครลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ นักออกแบบปัจจุบันก็เช่นกัน พยายามหลีกหนีความจำเจ ด้วยการออกแบบที่แปลกใหม่ ทั้งโครงเสื้อ การตัดเย็บ และลวดลาย ในแบบที่มุ่งสู่อนาคต หรือการออกแบบเสื้อผ้าที่ข้ามเพศ เพราะมองว่าต่อไปการแต่งกายไม่ได้จำกัดว่าผู้ชายต้องสวมแต่เสื้อชาย ผู้หญิงต้องสวมแต่เสื้อหญิง เพราะในหลายโอกาส ผู้ชายก็หยิบเครื่องแต่งกายหญิงมาประยุกต์ให้เข้ากับเขา ผู้หญิงก็หยิบดีเทลเสื้อหนุ่มมาตกแต่งเสื้อผ้าของเธอได้เช่นกัน
4. “Make-Over”  คือการนำสิ่งที่มีอยู่แล้ว หรือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแต่เก่าก่อน นำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของเสื้อผ้า หรือลวดลายพิมพ์ต่างๆ โดยจะเห็นว่า เครื่องแต่งกายจากทศวรรษที่ 60 – 90 เป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมในการหยิบและปรับให้เข้ากับหนุ่มสาวปัจจุบันนั่นเอง




     ขณะที่เทรนด์ของลวดลายสำหรับหน้าร้อน จะเห็นรูปแบบเรขาคณิตแบบต่างๆ โดยเฉพาะลายที่เกิดผลกับสายตา ไม่ว่าจะเป็นลายพราง หรือ Op-Art ในขณะที่ลายดอกไม้ก็เป็นของคู่กับแทบทุกหน้าร้อน ไม่เว้นแม้หน้าร้อนปีนี้ อ้อ รวมไปถึงลายสัตว์ และลายชนเผ่า ให้ระลึกและหวงแหนโลกใบนี้นี่เอง
เผยเทรนด์ใบไม้ผลิและร้อนปีนี้ไปหมดเนื้อหมดตัวแล้ว ที่เหลือก็ให้คุณๆ ไปมิกซ์และแมทต์กันเอาเอง
 
     อนึ่งแบรนด์แฟชั่นที่เป็นสมาชิกของ BFS ประกอบไปด้วย Asava, Curated by Ek Thongprasert, Disaya, Greyhound Original, Issue, Kloset, Milin, Munchu’s, Playhound by Playhound, Sanshai, Senada, Something Boudior, Theatre, Tu’I, Tutti & Tutti Fruitti และ Vickteerut






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น